- สถานการณ์โดยทั่วไปตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.ผู้ป่วยลดลงต่อเนื่องสูงสุดวันที่ 22 มี.ค.เนื่องจากเปลี่ยนนิยามการวินิจฉัยโรคใหม่ หลังจากนั้นการวินิจฉัยจากผลปฏิบัติการเดียวแนวโน้มลดลงมาโดยตลอด ตัวชี้วัดสำคัญคือผู้ป่วยรายใหม่
- ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ไปอีกระยะจนกว่าจะมีวัคซีน หรือก่อนที่คนไทยส่วนใหญ่จะติดเชื้อ โรคจะหยุดคือมีวัคซีนมากพอหรือคนติดเชื้อมากจนการระบาดหยุด
- การตรวจเชิงรุกใช้วิธีการลงตรวจเพิ่มขึ้นและการเฝ้าระวังควรขยายไปยังผู้มีอาการน้อยเพิ่มขึ้นทั้งนี้ต้องจัดลำดับความสำคัญ และเฝ้าระวังผู้ป่วยปอดอักเสบใกล้ชิด รวมถึงกลุ่มอาการโรคระบบทางเดินหายใจและกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นเพื่อตรวจเจอโรคอย่างรวดเร็ว
- การใช้ชีวิตสำคัญอย่างไรให้ผู้สูงอายุไม่ติดเชื้อ การรับประทานอาหารที่ต้องปรับ และยังคงมาตรการสำคัญคือ การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม และการให้หน่วยงานแต่ละแห่งปฏิบัติงานที่บ้าน โดยภาครัฐตั้งเป้าให้ทำงานที่บ้านอย่างน้อยร้อยละ 70
- วันที่ 1 ก.ค.ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงจะมีการเปิดโรงเรียน และใช้มาตรการเหลื่อมเวลาเพื่อลดความแออัดบนรถสาธารณะ และการซื้อของผ่านระบบออนไลน์ เพื่อลดความแออัด ทุกฝ่ายต้องช่วยปรับปรุงสถานที่เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อโรค
3 มาตรการจะผ่อนปรน
- การจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศและในประเทศ
- การทยอยเปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคประเมินทุก 2 สัปดาห์
- การห้ามออกนอกเคหสถานในเดือนนี้ ยังไม่ยกเลิกใช้ไปจนถึงเดือน พ.ค. มาตรการเหล่านี้จะค่อย ๆ ผ่อนคลายไปตามสถานการณ์